ประสบการณ์ฝึกงาน

อาร์ต พันธุ์เทพ ตติยวรเศรษฐ์

สาขาออกแบบอุตสาหกรรมแทร็กกราฟิกและมัลติมีเดีย
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

สวัสดีครับ อาร์ต พันธุ์เทพ ตติยวรเศรษฐ์ รุ่น #MJR1002 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์สาขาออกแบบอุตสาหกรรมแทร็กกราฟิกและมัลติมีเดียมหาวิทยาลัยนขอนแก่นครับจากการค้นหาสถานที่ฝึกงานในGoogle ก็ได้เจอเว็บของ Mountain Studio และผมก็เริ่มจากเปิดดูผลงานที่ทางบริษัทเคยทำก่อนหลังจากนั้นผมก็รู้สึกสนใจงานเป็นอย่างมากเริ่มหาเพจ Facebook ของทาง Mountain ก็ยิ่งทำให้มั่นใจมากกว่าเดิมและกลับมาอ่านตรงคุณสมบัติสำหรับนักศึกษาฝึกงานบนเว็บเราติดขัดหลายอย่างเลยอย่างแรกเขาบอกว่าต้องมี Notebook คนละตัว(แต่เรามี PC ตั้งโต๊ะ5555) และก็รู้สึกตกใจนิดๆกับข้อสุดท้ายที่เขียนประมาณว่าต้องเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัทถ้าไม่ว่างวันต่อมาลาออกได้(สำหรับเราเป็นคำที่ดูรุนแรงและท้าทายเราดีนี่แหละที่ทำให้ตัดสินใจว่าเอาวะสมัครโล้ด)  ต่อไปเป็นส่วนของความกังวลเรื่อง Portfolio เพราะตอนนั้นมีเวลาทำน้อยเราเลยพยายามวางแต่งานที่จำเป็นเท่านั้นเพื่อประหยัดเวลาในการทำและรีบยื่นไปตอนยื่นเจอกับสิ่งทีทำให้งงอีกมีทั้งให้ใส่รูปภาพที่ถ่ายไม่เกิน3วัน(ตอนนั้นถ่ายรูปที่นั่งในห้องพรีเซ้นต์เลย) แล้วถ้าเลือกได้อยากให้ใครเป็นนายยกอะไรประมาณนี้แหละ (ในใจคิดว่า …เอาแล้วพี่แกเล่นการเมืองด้วยหรอวะ 55555) ต่อมาหลังสมัครไปก็จะมีอีเมล์เข้าเขียนว่า “ถ้าทางบริษัทไม่ตอบกลับภายใน10วันแปลว่าไม่ผ่านการคัดเลือก”(เราก็นั่งรอเลยค้าบเพราะหวังกับที่นี่ไว้มากสรุปผ่านไป10วันก็ยังไม่มีการตอบรับโคตรเหวอ)แต่สุดท้ายก็ตอบกลับมาวันที่15ว่ารับเข้าฝึกงานแล้ว (โคตรโล่ง) แล้วสุดท้ายก็เคลียร์ปัญหาที่คาใจด้วยการโทรไปถามพี่อรว่า“…พี่ครับผมเอาPCไปได้มั้ยครับไม่มีโน๊ตบุ๊ค” พี่อรเงียบแปปนึงแล้วตอบว่า“ถ้าสะดวกก็เอามา”(ในใจเรานี่คิดว่าไม่สะดวกก็ต้องสะดวกแล้วแหละจังหวะนี้ไม่มีทางเลือก 555)

  มาถึงวันฝึกงานวันแรกบอกเลย (โคตรไม่รู้จักทาง 555 )ไม่ได้เซอเวย์ดูที่ฝึกงานก่อนด้วยโชคดีที่เราพักคอนโดของพี่ซึ่งติดกับ MRT รัชดาและพอดูแผนที่พิกัดทีทำงานอยู่แถว MRTสุทธิสารเราก็นั่งMRTไปสถานีเดียวชิลๆแต่ติดตรงที่ว่าวันแรกไม่กล้านั่งวินกลัวบอกทางไปไม่ถูกเราเลยเดินแม่มเลยจากMRTสุทธิสารเข้าไปจนถึงบริษัทประมาณ 2 3 กินโลนี่แหละ (เหงื่อนี่ชุ่มชุดนักศึกษา)สรุปเรามาถึงเช้ามาก 8.00 น. แต่บริษัทไม่เปิดเพราะเขาเริ่มงาน 9.00 น.เลยเดินกลับมานั่งเล่นที่สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านและเข้าไปอีกทีตอนเลทๆซะเลย (วันแรกยังไม่จบแค่นี้) เราเดินเข้าบริษัทมาพบกับกลุ่มคนที่กำลังทำความสะอาดบริษัทและเราคิดในใจว่า (แม่งเอ้ยพนักงานรุ่นพี่ที่นี่เยอะจังวะ)แต่แล้วหลังแนะนำตัวก็ได้รู้ว่าทุกคนเป็นรุ่นเดียวกันแค่มาฝึกก่อนเราเฉยๆ 55555 (หน้าแต่ละคนโคตรเฒ่าเด้อ)

วา :
ที่เริ่มจากวาเพราะวาเป็นคนแรกที่เข้ามาคุยด้วยตั้งแต่วันแรกทั้งบอกกฎต่างๆของบริษัทการจัดเวรประจำวันสำหรับการไปซื้อของทำกับข้าวและล้างจานรวมไปถึงขั้นตอนการทำงานของบริษัทวาเป็นคนที่ตลก(เป็นเอ๋อๆชอบคุยกับตัวเอง) เวลาเข้าครัวก็ชอบตำกระเทียมไม่รู้คิดอะไรกับสากรึเปล่า (ฮ่าๆหยอกๆ) แต่ถ้าพูดถึงการทำงานแล้ววาเป็นคนที่ดูกระตือรือร้นที่สุดตอบรับบรีฟงานอธิบายงานให้คนที่ไม่เข้าใจ(ตัวเรานี่แหละชอบไม่เข้าใจ) และเริ่มลงมือทำงานอย่างตั้งใจผลงานออกแบบก็ออกมาดีแอบมีอีโก้นิดๆสิ่งที่อยากฝากวาก็คือฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพราะวาเป็นคนขยันอยู่แล้วยิ่งได้เปรียบคนอื่นสู้ๆกับสิ่งที่จะต้องเจอในอนาคตจ้า

กะทิ : กะทิคือหนึ่งในคนที่มาฝึกงานวันแรกพร้อมกันก็เริ่มจากกะทินั่งตรงข้ามกันเลยและเป็นคนที่มาใหม่ด้วยกันทั้งคู่ในวันแรกเลยเงียบๆแต่เราก็แอบเห็นแววตาและปฏิกิริยาแล้วแหละว่า “เข้ากับเราได้แน่นวล”(อย่าคิดลึกนะ5555) สุดท้ายก็เป็นอย่างที่คิด (แต่เราแย่กว่ากะทิไปอีกเยอะมาก 5555 )ขอโทษที่หยอกบ่อยอยากให้กะทิหัวเราะเห็นว่าชีวิตเจอแต่เรื่องแย่ๆมา (หรือกุแย่กว่าเรื่องพวกนั้นวะฮ่าๆ) กินข้าวเยอะๆออกกำลังกายด้วยจะได้ดูเป็นคนมีแรงมีเนื้อมีหนัง(หน้าฟัด …อีกละกูเนี่ยอีกแล้ว 5555) ส่วนเรื่องงานกะทิก็เป็นคนที่ทำงานเงียบๆไม่รบกวนคนอื่นทำในส่วนที่ได้รับมอบหมายได้อย่างครบถ้วนเรื่องที่อยากฝากก็พยายามยิ้มหรือหัวเราะบ่อยๆเพราะตัวเองเป็นคนหน้าเหวี่ยงมันจะทำให้คนกลัวและก็เรื่องงานทำงานอย่างตั้งใจแบบนี้ต่อไปศึกษาดูงานเยอะๆเยอะกว่าคนที่เราเคยรู้จักมาเดี๋ยวเราก็เก่งกว่าเขาเองตั้งใจทำในสิ่งที่หวังไว้ในอนาคตมีไรก็โทรมาได้ (แต่ถ้ามีผัวอย่าโทรมานะฮ่าๆ) เจอกันจ้า 

นา : เป็นอีกคนที่เริ่มฝึกวันแรกพร้อมกันแต่นาจบไม่พร้อมกันเพราะนาฝึก4เดือน (ยาวไปยาวไปวัยรุ่น)นาเป็นคนอิสลามและเป็นสีสันของเรามากเพราะเราไม่เคยมีเพื่อนเป็นอิสลามเลยตื่นเต้นกับทุกๆอย่างที่ศาสนาเขาห้ามเพราะมันคือเรื่องใหม่สำหรับเราเสมอนาก็จะเป็นคนที่เท่มากสำหรับเราไม่ว่าจะเป็นลักษณะการแต่งตัวการพูดหรือการที่ไปงานดนตรีอีสานเขียวซึ่งงานนี้แน่นอนว่าคนที่ไปติสแน่ๆ ( ติสยานี่แหละ 555 หยอกๆ)ส่วนเรื่องงานจากที่ดูนาเป็นคนที่ทำงานสบายๆและค่อนข้างเข้าใจถึงหลักการออกแบบในระดับนึงเลยเรื่องที่อยากฝากนาก็คือเวลาดูReferenceต่างๆพยายามฉีกแนวความคิดออกให้ภาพจำนั้นหายไปก่อนที่จะลงมือออกแบบไม่งั้นจะทำให้งานออกมาคล้ายกับ Reference มากเกินไปส่วนอีกเรื่องที่อยากฝากคืออดทนสู้ต่อกับเวลา2เดือนข้างหน้าอย่างเต็มที่เด้อบายจ้า

เอิท : ขอบอกในเรื่องดีของเอิทก่อนละกันเอิทเป็นคนที่เราบอกให้โทรปลุกเราทุกวันเวลา7.40เนื่องจากเราต้องตื่นมาอาบน้ำก่อนพี่ให้ทันไม่งั้นต้องไปอาบหลังพี่ซึ่งเราจะสายแน่ๆแล้วเอิทก็โทรปลุกจริงๆทุกวัน(ทำได้ไงวะโคตรเจ๋งขอบคุณน้า5555) แล้วก็เป็นคนที่ไม่ยอมออกจากบริษัทถ้าเพื่อนยังกลับไม่หมดเช่นเราอยู่ทำงานต่อเอิทก็จะยังไม่กลับ (เหยดดีเจรง) มาถึงเรื่องที่อยากเล่าบ้างเอิทเป็นคนห้าวๆพูดห้าวๆโก๋ๆก๋ากั่นมากอะทุกคำพูดมันฟังแล้วเคืองหูมากแบบอยากจะทะเลาะด้วยตลอดแต่งตัวแบบผู้ชายๆเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ (ผมไม่สระอะไรแบบนี้ 5555)ส่วนเรื่องงานเอิทมาฝึกด้านWEB Developer ก็จะเป็นคนเก่งมากเกี่ยวกับงานทางด้านนี้ไม่ว่าจะเป็นการกระจายงานให้เพื่อนหรือความเร็วในการทำดั่งปีศาจ(แต่ชอบพิมพ์ผิดใช้คำว่าชอบเลยนะ 5555) มาถึงเรื่องที่อยากจะฝากคือเวลาทำงานต้องมีสมาธิกว่านี้อย่าพิมพ์ผิดเพราะต่อไปในอนาคตบริษัทใหญ่ๆเขาอาจจะไม่ได้มาตรวจงานชองเรามากก่อนส่งลูกค้าและมันจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้แค่นี้แหละจ้าขอบคุณทุกอย่างทั้งดีและไม่ดีจ้า 

มิ้นท์ : มิ้นท์ก็เป็นคนที่เรายอมรับมากในเรื่องของการตื่นเช้าโคตรๆเพื่อมาบริษัทเนื่องจากมิ้นท์บ้านอยู่ไกลเลยต้องตื่นตั้งแต่ตี4(ตี4เห้ยโอโหมึงยอดมนุษย์มาก!!) แล้วคือมิ้นท์ทำแบบนี้ทุกวันจนจบฝึกงานเลยสม่ำเสมอมากจ้ามิ้นท์เป็นคนที่เข้าครัวช่วยเหลือพี่อรได้เยอะที่สุดแล้วเพราะทำกับข้าวเป็นปรุงรสเป็นรู้วัตถุดิบส่วนเรื่องงานมิ้นท์ก็เป็นคนที่เรียนรู้โปรแกรมมาเยอะอยู่ดูจากสกิลและก็เป็นคนที่ชอบมาถามปุ่มคำสั่งต่างๆจากเราเป็นความรู้(เพื่อประดับสมองตัวเอง 555) ติดแค่สติไม่ค่อยดีเท่านั้นแหละ( หูตาจมูกปากนี่เพี๊ยนไปหมดอะ555555 )เรื่องที่อยากจะฝากก็ให้เป็นคนที่ใฝ่หาความรู้แบบนี้แหละดีแล้วมันดีต่อตัวเองและก็อย่าเป็นคนที่สนุกเกินไปหรือเศร้าเกินไปทำตัวเองให้พอดีๆคิดอะไรบวกๆไว้ (18+ 20+ ว่ากันไป 55555) โชคดีจ้า(อีมิ้นท์)

เม้าส์ : เม้าส์ก็เป็นผู้ชายในไม่กี่คนของรุ่นที่จบไปก่อนเร็วมากๆยังไม่ทันได้สนุกอะไรด้วยกันมากเลยเจอหน้าครั้งแรกก็รู้เลยว่าแนวเดียวกับเราแต่ก่อนแน่ๆเลย(เด็กแว้น)แต่ผิดคาดตรงที่เม้าส์เป็น(เด็กแว้นด้วยหัวใจ 55555 หยอกๆเด้อ) คือเป็นคนที่รักในการจับแฮนด์รถมอไซค์อะไรประมาณนั้นมั้งก็ไม่ได้ผิดเลยถ้าเทียบกับสิ่งดีๆที่อยู่ในตัวไม่ว่าจะเป็น (ยาบ้ากัญชาเอ้ยไม่ใช่ 5555 ) ไม่ว่าจะเป็นความถนัดทางด้านProgrammer หรือการทำงานช่างต่างๆรวมไปถึงการพูดก็ไม่ได้ดูเป็นคนที่เลวร้ายอะไรเลยอาจจะเพราะหน้าตาและรูปร่างมั้ง (เดฟธรรมชาติ 555) เรื่องที่อยากฝากก็หาแฟนเป็นตัวเป็นตนซะเด้อคนอื่นจะได้ไม่มองว่าเราเป็นคนไม่แน่นอนกับเรื่องแบบนี้เท่านี้แหละโชคดีเว้ยเพื่อน

 เอลฟ์ : เป็นคนดูน่าเกรงขามมากตอนเจอตอนแรก (และก็เป็นคนอย่างนั้นจริงๆ 55)เอลฟ์เป็นคนที่เราเลือกจะคุยด้วยในเรื่องต่างๆเพราะเห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่ในตัวตั้งแต่แรกแล้วพอสนิทกันมากขึ้นก็เลยเริ่มแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆให้กันฟังและก็ยิ่งรู้จักกันมากขึ้นไปอีกแล้วก็มารู้ทีหลังอีกว่าจริงๆเกิดปี39เหมือนกัน (ดวงจัดอะอย่างน้อยก็มีรุ่นเราอยู่จริงๆคนนึงละวะ) หลังจากนั้นก็เลยคุยกันแบบเป็นเพื่อนกันมาตลอดมีอะไรก็แบ่งปันกัน (ไปตำเสมอ55) เอลฟ์เป็นคนตั้งใจทำงานมีทัศนคติที่ดีต่อทุกคนชอบฟังเพลงเก่าๆเหมือนคนนึงที่เรารู้จักและเป็นคนที่มีความสามารถหลายอย่างเก่งภาษาเลียนแบบเสียงต่างๆ  เรียนรู้และจดจำเร็วมากดูแลน้องฌาดาก็เก่งเรื่องที่อยากฝากก็เวลาทำงานไม่ต้องรีบลงมือทำมากก็ได้สเก็ตจนกว่าสมองเรามันจะตกผลึกก่อนแล้วค่อยลงมือทำแบบจริงงานจะได้ออกมามีประสทิธิภาพมากที่สุดดีใจมากที่ได้เจอคนแบบนี้เจอกันเมื่อมีโอกาสนะเพื่อน 

เต้ย : เป็นคนที่เราได้เห็นได้พูดได้คุยด้วยแบบแว๊บๆเพราะเต้ยเป็นคนที่ฝึกจบไปรุ่นก่อนหน้าแต่ยังแวะมาหาเลยได้เจอเต้ยก็เป็นคนที่ดีมากแหละทั้งงานที่เราได้เห็นผ่าน Portfolio ดูแล้วสบายตาดีมากและก็ลักษณะคำพูดต่างๆเป็นคนที่ดีอาจจะสั้นหน่อยแต่ก็ยินดีที่ได้เจอเด้อไว้เจอกันโอกาสหน้าฟ้าลิขิตจ้า

ปลาย : ปลายเป็นคนที่เข้ามาท้ายที่สุดอีกอย่างคือฝึก4เดือนซะด้วย(สู้เด้อนาง) แต่ปลายก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเป็นคนที่พึ่งมาทีหลังเลยแต่อย่างใดเพราะปลายเข้ากับเพื่อนคนอื่นได้เร็วมากรวมถึงเราตอนแรกที่เห็นปลายก็นึกว่าจะเป็นคนที่แรงๆเข้าถึงยากเพราะดูจากการแต่งหน้ามาวันแรกกับทรงเอคู่ใจ (เห็นแล้วใจจะวายสั่นยันช่วงล่าง 5555 ) แต่แล้วก็ได้รู้ว่าปลายไม่ได้เป็นคนที่น่ากลัวอะไรเลยอาจจะเป็นคนที่พูดอะไรแรงๆแต่เราก็คิดว่ามันจริงใจดีนะคนแบบนี้ส่วนเรื่องงานปลายก็เป็นอีกคนนึงที่ทำงานเงียบๆไม่รบกวนคนอื่น (เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง555) เรื่องที่อยากจะฝากก็เป็นตัวของตัวเองให้มากๆแบบนี้แหละมันดีแล้วงานก็ศึกษาให้มากๆเพราะทุกวันนี้การแข่งขันมันสูงในเวลาที่ฝึกงานต่อหลังจากนี้ก็ขอให้อดทนและฝึกฝนให้เต็มที่นะดูแลน้องฌาดาด้วยบายจ้า

พี่เบ้นซ์ : พนักงานสุดเจ๋งกับคำพูดเจ๋งๆที่คุยคนเดียวแบบเจ๋งๆและมุขเจ๋งๆ(ที่ไม่เคยฮา) ไม่ต้องพูดเยอะเจ็บคออ๊อกๆ (กำลังฮาอยู่ใช่มั้ยหละแน่แหละเล่นมุขช่วงล่างทีไรขำดังตล๊อด) พี่เบ้นซี่ซู่ซ่าขอให้เป็นทีมงานที่ดีและแข็งแกร่งของ Mountain Studio อย่างนี้ไปจนกว่าจะเก่งแล้วก็หนีไปจากที่นี่นะ (ไม๊ไช๊ ) อยู่เป็นกำลังสำคัญให้พี่ต๊ะแบ่งเบางานให้ได้มากที่สุดนะพี่ทุกอย่างที่พี่ทำมันดีต่อตัวพี่เสมอแหละเรื่องที่อยากจะฝากก็คงเป็นเรื่องความมั่นใจในการพูดและพรีเซ้นต์งานพี่ต้องพูดอย่างมั่นใจเหมือนกับไม่เคยมั่นใจขนาดนี้มาก่อนเพื่อให้ลูกค้าเชื่อในสิ่งที่เราพูดเราก็ต้องทำตัวให้น่าเชื่อถือ (เค๊ ?) เรื่องแฟนมันไม่มีคำว่าถูกหรือผิดสำหรับเรื่องนี้แต่คนที่เราเลือกมาเป็นแฟนนั้นพร้อมจะเข้าใจเรามากแค่ไหนเท่านั้นเองเข้าใจเราจริงๆในทุกเรื่องว่าเรากำลังทำอะไรในเวลาไหนและเราทำทั้งหมดไปเพื่ออะไรถ้าเขาเข้าใจทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาอาร์ตเชื่อแบบนี้นะเมื่อไหร่ที่เรามีแฟนแล้วเราไม่ต้องเปลี่ยนความเป็นตัวเรานั่นคือที่สุดของที่สุดแล้วสู้ๆเด้ออ้ายไว้เจอกันบายค้าบอ๊อกๆ

พี่ต่อ : พี่ก็เป็นคนที่ชอบอะไรตรงกับอาร์ตอยู่นะทั้งขับBigbikeเหมอืนกันชอบสักลายเหมือนกันไม่ค่อยได้มีเวลานั่งคุยกับพี่เท่าไหร่แต่ก็ขอบคุณที่คุยในเรื่องที่มีประโยชน์กับอาร์ต (พวกเรื่องเกี่ยวกับรถหรือการสั่งอาหารผ่านแอปนะพี่) ขอบคุณครับไว้เจอกันใหม่นะพี่ 

พี่ต๊ะ : พี่ต๊ะเป็นเจ้าของบริษัท Mountain Studio ซึ่งวันแรกเราได้รับโอกาสสัมภาษณ์จากพี่ต๊ะเองซึ่งคำถามก็ง่ายๆชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร ? มีแฟนรึยัง? แฟนผู้หญิงผู้ชาย? ขับรถเป็นมั้ย? กินเหล้ามั้ย?(คิดในใจผมอาบเลยแหละครับ) แล้วก็เริ่มอธิบายต่างๆนาๆเล่าเรื่องความเป็นมาของบริษัทว่ากว่าจะเป็น Mountain Studio มันยากเย็นแค่ไหนและสิ่งที่ผมชอบมากๆในคำพูดวันแรกก็คือ “ที่กูไม่ให้พวกมึงแต่งชุดยูนิฟอร์มมีการตอกบัตรเข้างานหรือเรียกกูว่าคุณต๊ะเพราะกูไม่ชอบสิ่งเหล่านั้นซึ่งในเมื่อกูไม่ชอบกูก็ไม่อยากให้พวกมึงทำเหมือนกัน ”(นี่แหละอิสเดอะเบส55555) หลังจากนั้นเราก็เริ่มศึกษางานต่างๆตามโอกาสที่พี่เขามอบให้พี่ต๊ะเป็นคนที่จริงจังกับงานเสมอ(ใช้คำว่เสมอนะต้องเข้าใจตรงกันเลยว่าจริงจังมาก)แต่ในเวลาที่เล่นนี่(เล่นได้ถึงใจมากมุขนี่ฮาไข่สั่น ) ทุกๆครั้งที่บริษัทเงียบๆพี่ต๊ะนี่แหละจะเป็นคนทำให้ตกใจด้วยการไอหรือจามแล้วน้องฌาดาก็จะเอามือแตะที่หน้าอกตัวเองแล้วพูดว่า“ไจ”555555 (ที่เขียนมาไม่รู้มีเลข5กี่ตัวแล้วคนอ่านเลยจะคิดว่าเป็นบ้าเด้ทีนี้) ก็อยากขอบคุณพี่ต๊ะที่คอยบอกและสอนอะไรที่ดีๆ(เช่นล่อลวงกะทิ…ไม่ใช่ละ)ขอบคุณที่พี่พาไปเที่ยวทะเลแบบไม่ให้ออกตังค์เองเลยซักบาทขับรถพาไปพากลับอย่างปลอดภัยอาร์ตประทับใจมากครับมากจริงๆมีอีกหลายเรื่องหลายความรู้สึกที่อาร์ตได้รับและมันไม่จำเป็นต้องอธิบายเป็นคำพูดมันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆเหมือนกับได้เจอพี่ที่เข้าใจเราจริงๆอีกหนึ่งคนขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่ไม่มีทางเล่าหมด(เพราะถ้าเหล้าหมดเราจะซื้อเพิ่มเนี่ยๆก็เป็นงี้อะนะอาร์ตเอ้ย) เรื่องที่อยากจะฝากฝากดูแลน้องฌาดาด้วยนะครับ5555555555(พี่คงตอบอาร์ตว่า“นั่นลูกกู” ใช่มั้ย? 55555) แล้วอาร์ตจะกลับมาหาเมื่อมีโอกาสนะครับ (คุณธนงค์ชัย)

พี่อร : พี่อรก็เป็นพี่ที่สุดยอดมากๆทำอาหารก็อร่อย(ใส่ผงนัวหลายโพ้ด) เป็นทั้งแม่เป็นทั้งหัวหน้างานในเวลาเดียวกันแต่ถึงพี่อรจะมีน้องฌาดาก็ไม่ได้ทำให้เป็นปัญหาต่อการทำงานเลยแม้แต่นิดเดียวจัดการเวลาทุกอย่างได้อย่างลงตัวทั้งกล่อมน้องนอนพาน้องเล่นคุยกับน้องเวลากินข้าวเก่งจริงๆอาร์ตให้พี่เป็นคุณแม่สุดเจ๋งเลยเรื่องงานก็เวลาส่งบรีฟลูกค้ามาให้ทำพี่ก็จะมีแนวทางการทำงานให้ตลอดเหมือนช่วยไกด์ทางให้คนที่ยังไม่เข้าใจเพื่อให้งานออกมาแนวเดียวกันเป็นคนที่คัดกรองงานเพื่อให้ถูกใจลูกค้าได้ดีแล้วก็การติดต่อคุยกับลูกค้าต่างๆดูมีความมั่นใจไม่ลังเลในการตอบเรื่องที่อยากฝากก็เป็นพี่ที่น่ารักแบบนี้สำหรับน้องๆฝึกงานรุ่นต่อๆไปด้วยนะครับขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับพี่

น้องฌาดา : ถ้าน้องโตแล้วมานั่งอ่านรีวิวฝึกงานของพี่ด้วยนะพี่คงคิดถึงน้องมากๆแน่เลยน้องเป็นเด็กที่เก่งและเรียนรู้ไวมากๆพี่ได้ดูแลน้องแค่2เดือนเอง (มันเป็นเวลาที่พี่ฝึกงานทั้งหมด) ฟังยังโอมไปจนโตแหละเนาะน้อง5555  เรียกป๊าเรียกแม่ให้ได้ไวๆนะน้องดูแลทดแทนบุญคุณพ่อแม่ด้วยเขาทำเพื่อเรามามาก (ถ้าโตแล้วอย่าถามพ่อแม่ว่าเป็นใครอีกนะ 555)รีวิวนี้เป็นสิ่งยืนยันแล้วนะว่าเราเคยรู้จักกันคิดถึงน้องฌาดาเด้อ 

ท้ายที่สุดนี้อยากให้ทุกๆคนรักกันแบบนี้จดจำวันที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้คำพูดที่เราพูดด้วยกันในที่แห่งนี้ให้เป็นดั่งคำสัญญาว่าเราจะไม่มีวันลืมกันตลอดไปพวกเราคือชาว Mountain Studio