ประสบการณ์ฝึกงาน

โอปอล ธนกฤต กุมารบุตร

สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิกและมัลติมีเดีย
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

"เข้าใจผิดมาตลอดว่าคำว่า Mountain แปลว่า “ ภูเขา ” ที่จริงแล้วมันแปลว่า “ ครอบครัว ”"

เข้าใจผิดมาตลอดว่าคำว่า Mountain แปลว่า  “ ภูเขา ”  ที่จริงแล้วมันแปลว่า  “ ครอบครัว ”

สวัสดีครับ ธนกฤต กุมารบุตร (โอปอล) มหาวิทยาลัยพะเยา สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิกและมัลติมีเดีย ตอนแรกที่ตะเวนไล่สมัครฝึกงานในที่ต่างๆคือเงียบกริบ ไร้วี่แววการตอบรับ แต่พอถามเพื่อนที่ฝึกที่นี่แล้วลองส่งเมลมา ผมจำได้ว่าส่งไปประมาณสี่ทุ่มพอถึงสี่ทุ่มครึ่งมีข้อความตอบรับให้ทางมหาวิทยาลัยทำเรื่องส่งตัวมาเลย ผมนี่น้ำตาจะไหล พอมาเริ่มงานวันแรกคือยืนรอหน้าปากซอยเพื่อให้ถึงเก้าโมงเปะๆค่อยเดินเข้ามา พอมาถึงในบ้านบรรยากาศเงียบๆแสงไฟสลัวๆบวกกับท้องฟ้าครึ้มฟ้าฝน ในห้องมีแค่พี่เบนซ์คนเดียวในบ้านกับเพื่อนๆที่มาฝึกงานก่อนอีกสองคน คือรู้ว่าที่นี่มาถึงต้องกวดบ้านถูบ้านแต่วันแรกไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนเลยนั่งหน้าเอ๋อๆไปก่อน มาฝึกงานที่นี่ตอนแรกยอมรับว่ากดดันตัวเองมากคือรู้ว่าที่นี่ทำเกี่ยวกับเว็บแต่เราไม่เคยทำเว็บเลย ก็เลยคิดว่า “เอาหว่ะเราทำเว็บไม่เป็นอย่างน้อยเราก็ทำกับข้าวเป็น55555” แต่พอได้มาทำงานจริงๆคือไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่คิดเลย มีงานอะไรก็ทำ งานไหนติดขัดก็มีพวกพี่ๆคอยบอกคอยสอนขัดเกลากันไปจนคล่องขึ้น แต่ไม่ได้กังวลเรื่องเพื่อนที่ฝึกงานมากเท่าไหร่เพราะผมมากับเดอะแก็งมหาลัยเดียวกับสี่คน55555 แต่ก็พยายามพูดคุยเข้าหาเพื่อนๆที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆน่ารักๆจาก ม.อื่นอีกสองคน ซึ่งเพื่อนๆก็เป็นคนที่ยิ้มง่ายหัวเราะง่ายด้วยบวกกำการทำงานทำกิจกรรมต่างๆด้วยกันบวกกับการยิงมุกของพี่ๆเลยทำให้รู้จักกันเร็วมาก จนไม่ถึงเดือนสรรพนามที่ใช้เรียกเพื่อนก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ชอบที่นี่ตอนเที่ยงมากเพราะได้ทำกับข้าวกินเองช่วยๆกันทำ อยากกินอะไรบอกพี่อรได้เลยเดี๋ยวจัดให้แต่เก็บตังกันเอง55555 คือกินข้าวเที่ยงเมื่อไหร่เหมือนมีโรงทานปอยหลวง หลังบ้านก็จะกลายเป็นตลาดสดตลาด นัดมีอะไรคุยกันใส่ไม่ยั้ง มงๆมุกๆเปลี่ยนกันตบโบ๊ะบ๊ะๆไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว จนบางวันพี่ต๊ะแง้มประตูมาบอก “เฮ้ยๆเบาๆหน่อย” ที่นี่คือกับข้าวเยอะมากๆจนบางครั้งกินไม่หมดและต้องนั่งมองมันอยู่เฉยๆในจาน และชอบเวลาทำงานช่วงบ่ายเพราะพี่เปิดเพลงให้ฟังผมนี่จะรออะไรหล่ะครับ ร้องเพลงสิครับไม่ทำแล้วงาน ผมพูดเล่นครับ55555 จนทำให้ผมหายง่วงและมีแรงฮึกเหิมทำงานต่อ จนถึงช่วงโควิดรอบ2ก็ต้องมีเพื่อนบางคนที่ต้องถูกยกเลิกฝึกงาน บางคนก็ Work from home ก็ใจหายวาบและคิดถึงเพื่อนๆพี่ๆอยู่มากเหมือนกัน จนสถานณการณ์ปกติเราได้กลับมาทำงานที่บ้านหลังนี้และก็มีเพื่อนใหม่ทยอยมาอีกด้วย ผมคงคิดถึงบ้านหลังนี้คิดถึงพี่ๆและเพื่อนๆทุกคนที่ร่วมมากหลังจากจบไป มันเป็นเวลา4เดือนที่ดีมากๆ

พี่ต๊ะ

พี่ต๊ะคือเจ้าของบริษัท คือวันแรกที่ผมเข้ามาในบ้าน พี่เบนซ์บอกว่าเดี๋ยวหวัดดีพี่ต๊ะด้วยนะ พอผมได้ยินเสียงพี่เดินลงบันไดมาผมคิดในใจว่าพี่ต้องเดินมาจากชั้นบนแน่ๆแล้วผมก็สวัสดีพี่แล้วพี่ก็พยักหน้าตอบรับแบบเท่ๆ พี่ต๊ะดูเงียบๆเข้มๆขรึมดูมีความเป็นผู้นำ หลังจากเหตุการณ์นี้เท่านั้นแหละครับผมนี่เกร็งไปหมดทุกส่วนของร่างกายเลย คือคิดว่าถ้าผมทำอะไรผิดพี่ต้องเอาผมตายแน่ๆ พอหลังจากนั้นที่พี่ได้พูดคุยถามไถ่พวกผม ผมค่อยๆลดอัตราการเกร็งลง เพราะพี่เป็นผู้ใหญ่ที่พูดคุยเป็นกันเองกับเด็กๆมาก พี่มีการสอดแทรกมุกมาให้ผมตบตลอดถึงแม้บางครั้งผมจะตามไม่ทันแล้วปล่อยให้จางให้แห้งอยู่บ้าง แต่เรื่องการทำงานนี่ไม่ต้องพูดเยอะครับ จริงจังกับงานมาก ทุกคำที่พี่สั่งงานมันสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจกับงานจนผมตั้งใจทำงานมากๆ งานต้องออกมาดี แต่ผมก็โดนสั่งครั้งแล้วครั้งเหล้าเอ้ยเล่าอยู่ดี วันไหนโดนพี่ด่าก็จะจิตหลุดหน่อย ส่วนงานต่างๆที่พี่ทำไม่ต้องพูดเยอะทำครับ สุดๆ สุดยอดดด!! และพี่สอนผมให้ใช้โปรแกรมต่างๆได้คล่องมากขึ้น และที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือพี่สอนการใช้ชีวิตในชีวิตจริง ทั้งเรื่องการกระทำ ความคิด ความรัก ทัศนคติ พี่บอกให้เด็กที่อ่อนต่อโลกอย่างผมรู้ว่าชีวิตจริงมันน่ากลัวแค่ไหน จนผมเปลี่ยนความคิดตัวเองในบางเรื่องให้ดีขึ้นได้ ผมขอบคุณพี่มากๆครับที่ดูแลผมมาตลอดถึงบางครั้งผมจะทำตัวไม่ดีให้พี่หัวร้อนอยู่บ้าง(ผมขอโทษครับ)   4 เดือนที่ผมรู้จักพี่ต๊ะผมถือว่าคุ้มมากๆครับ และขอบคุณมากๆครับที่เปิดโอกาสให้ผมมาเป็นครอบครัวเดียวกันที่เปิดโอกาสให้ผมได้มารู้จักกับพี่และพาผมไปกินย่างเนย (“อะไรนะครับพี่”)

พี่อร

วันแรกที่ผมเห็นพี่ออน ผมคิดเลยว่าพี่ออนต้องใจดีมากแน่ๆ5555 แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเลยครับพี่ออนใจดีจริงๆด้วย เอาๆจริงพี่อรเป็นคนอารมณ์ดี พูดคุยปรึกษาได้ทุกเรื่องเลย พี่อรเป็นคนที่ทำให้ผมไม่กล้าแอบหลับเวลาทำงานเลยเพราะว่าวันแรกที่ผมแอบหลับในตอนทำงานแล้วพี่อรก็เอาไปฟ้องพี่ต๊ะ ส่วนเรื่องการทำงานผมก็จะมีปัญหาบ่อยมากๆแต่ผมแก้ปัญหาด้วยการพูดว่า (“พี่อรครับ”)555555 พี่อรทำงานแบบมีระบบระเบียบมากๆอันไหนผิดพลาดเล็กๆน้อยๆพี่อรดูแป็บเดียวเท่านั้นแหละครับรู้เรื่องเลย เวลามีปัญหาเรื่องงานพี่ก็จะลุกมานั่งช่วยเคลียข้างๆเลยเหมือนมีบัตรVIPแบบติวตัวต่อตัวจนผมรู้ว่า อ๋ออออออมันเป็นแบบนี้นี่เอง  ส่วนเรื่องที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือเรื่องการทำอาหารของพี่อร คืออยากกินอะไรพี่อรทำได้หมดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น หวาน มัน คาว เค็ม เผ็ด จาง จืด พี่อรสามารถทำออกมาได้อร่อยหมดทุกอย่างถึงแม้ว่าบางครั้งผมจะลืมซื้อเครื่องปรุงบ้าง  ทำกับข้าวเค็มๆบ้าง  ไหม้บ้าง  แต่ไม่ต้องกังวลไปเลยครับพี่อรสามารถยิบจับเครื่องปรุงอื่นๆนู้นนี่นั้น แล้วก็บ่นผมสักหนึ่งประโยค แล้วก็ใส่ลงไปในหม้อรสชาติก็กลับมาอร่อยเหมือนเดิมเลย พี่อรเป็นคนยกระดับการทำอาหารของผมขึ้นไปอีกขั้นเลยครับ ขอบคุณพี่อรมากนะครับที่ทำให้ผมที่เพิ่มสกิลในการทำงานและทำอาหารมากขึ้นและทำก๋วยจั๊บญวนให้ผมกิน ผมขอโทษด้วยนะครับที่ทำกระเทียมไหม้และแอบเอาหนังไก่ไปทิ้ง5555

พี่เบนซ์ 

เป็นคนแรกเลยครับที่เจอในวันแรกของการฝึกงาน พี่เบนซ์ดูเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยจะพูดหน้านิ่งๆ  ผมเลยไม่กล้าที่จะพูดทักทายแรกๆผมได้แต่พูดคำว่า”พี่เบนซ์หวัดดีครับ”อยู่เป็นอาทิตย์เหมือนกัน จนผมต้องคิดว่าวันนี้จะเอาไรไปคุยกับพี่เบนซ์ดี แต่หลังจากน้ำหยดลงหินทุกวัน นับตั้งแต่วันที่พาผมไปส่งไปรษณีย์พี่ก็เริ่มสนทนากับพวกผมมากขึ้นทั้งเรื่องงานเรื่องทั่วๆไป จนมีการยิงมุกการเกิดขึ้นปังบ้างบางมุกก็ปัง ปังปินาด5555 แต่ก็สนุกสนานดี ส่วนเรื่องการทำงานในด้านต่างๆของพี่เบนซ์คือสุดจริง และเป็นคนที่ผมถามงานบ่อยสุดเพราะผมโดนแยกทำงานคนเดียวเลยต้องถามพี่เบนซ์บ่อยๆ เป็นคนที่แนะนำและหาRefงานมาให้ดูบ่อยมากสอนทุกเรื่องที่ถามเหมือนเป็นพี่เลี้ยง ผมขอบคุณมากนะครับที่แนะนำทริคหลายๆอย่างให้ผม ต้องมีสักวันที่ได้เจอกับพี่อีก

น้องฌาดา

น้องฌาดาเด็กน้อยผู้ร่าเริงงง แรกเจอน้องคือน้องกลัวน้องไม่กล้าเข้าหา หลังจากซื้อขนมมาเท่านั้นแหละเดินตามบ้างมาคุยด้วยบ้างจนจำชื่อได้ น้องน่าร๊ากก ไม่งอแงเป็นเด็กผู้หญิงสายลุย คือถ้าน้องเล่นด้วยนี่ไม่ต้องจะลุกไปไหนเลย55555ต้องเล่นด้วยจนน้องเบื่อ ยังไงก็คิดถึงมากน้า

เพื่อนมิ่ววว

คือเห็นในเฟสคือแต่งตัวเท่นึกว่าเป็นคนภาคกลางแต่มาเรียนเหนือ วันแรกที่มาฝึกคือเห็นมิ้ว คือมิ้วเป็นผู้หญิงครับ5555 เห็นแวปแรกคือมิ้วตัวเล็กมาก คือยังไม่กล้าทักหรือคุยด้วยเห็นกวดๆบ้านก็ไม่กล้าถามว่าให้ช่วยป่าวก็เลยยืนดูจนกวาดเสร็จและคิดว่าอีกอย่างมาจากเชียงใหม่เลยแอบลุ้นว่าจะพูดเหนือได้ป่าวว สรุปพูดได้จริงๆ แรกๆก็ใช้ภาษากลางคุยกันนั้นแหละหลังๆพอเหนือได้ ก็ไม่คุยกลางอีกเลยจ้าขอบคุณมาก5555 คือรู้จักจริงๆเป็นคนที่ลุยมากๆไปไหนไปคนเดียวสุดๆเก่งกว่ากูอีก55555 ส่วนเรื่องงานโอเคเลย งานดี(หมายถึงงาน555)งานสวยอยู่งานเร็วด้วย เป็นคนชี้แนะงานทุกอย่างเพราะคุยรู้เรื่องสุดละ ทำกับข้าวส่วนมากก็จะรับหน้าที่หั่นผักล้างผัก ละก็จะเถียงมันในครัวบ่อยสุดเพราะบางครั้งมันก็มึนๆ ส่วนเรื่องดื่มนี่ไม่ค่อยเห็นมันเมาเท่าไหร่เพราะมันไม่ค่อยจะชน และเรื่องไปซื้อของกับมันแล้วรถดับไม่ต้องพูด บ่อยจัด555 บ่อยจนบางครั้งก็คิดว่าเดียววันนี้มันก็ดับอีก และมันเป็นคนกลัวจิ้งจกมาก มากจริงๆ5555กูละอย่างชอบ555 ละเป็นไรชอบด่ากูง้าว  พอมึงกลับม.ก่อนกูก็เหงาปากอู้เมืองหน่อยๆ ไว้เจอกันแม่สาวลำพูนคนบ้านใกล้55555

เพื่อนพาลอย

คือวันแรกเห็นสมาชิกในกลุ่มแล้วเห็นมีพลอยอีกคนเลยงง อ้าวมีเพื่อนอีกคนเพราะไม่เห็นพลอยค้อมเม้นที่โพส มาวันแรกคือแบบผู้มีประสบการณ์ในการทำงานมาก คือพลอยจะนู้นนี่นั้นสุดเหมือนอยู่มานาน555555 แต่ก็ไม่กล้าคุยด้วยอยู่ดี มาเริ่มคุยก็ตอนเข้าครัวเพราะเรากะพลอยก็พอทำอาหารเป็นอยู่ พลอยก็จะเป็นกว่าอยู่มาก55555 เพราะอะไรเพราะดูยูทูป หยอกๆ5555 ทำอาหารเก่งมากนั้นนี้ยอมๆ ส่วนเรื่องทำงานก็โอเคอยู่ ทำงานเร็วอยู่ สวยอยู่ จริงจังกับงาน ถ้าได้จริงจังมากๆๆ บางครั้งทำงานเยอะก็จะมึนๆหลุดลอย เรียกไม่ค่อยตอบสนอง และก็พูดไรกำกวมพูดเองหัวเราะเองชอบคิดไปเอง55555 อีกเรื่องเลยคือนางเรอเก่งมากเอกลักษณ์สุด ไม่เรอไม่ใช่พลอย 555555 ขอบคุณมากที่คอยตบมุกแห้งๆให้บางครั้งส่วนมากจะทำเป็นไม่ได้ยิน ไว้เจอกันเมื่อมีอากาศนะพาลอย

เพื่อนดิส

คือจะสนิทกันมากหน่อยเพราะมาจาก ม.เดียวกัน มีมันคอยชกคอยตบมุกนี้แหละมุกถึงไปต่อได้55555ขอบใจหลายย คือชอบเถียงกับมันเก่งเราเถียงมันเถียงไม่ยอมกันสักทีสุดท้ายก็รักกันเนาะๆ ส่วนเรื่องงานนั้นมันเป็นคนทำงานเร็วจัดๆ สวยด้วยสวยอยู่ หยอกๆ ถ่ายรูปสวยสุดละ และมันเป็นคนสายบาลานซ์ คือทำเป็นเกือบทุกอย่างเหลือแค่ขับยานอวกาศ เวลาไปซื้อของทุกชอบเรียกมันไปขับรถเพราะมันขับเก่งแต่ถ้าไปกะกู กูขับเอง55555ยังไงก็ขอบคุณเรื่องต่างๆที่ผ่ามมา ไว้เจอกันใหม่โบ้

เพื่อนไผ่

ผู้ชายอบอุ่นประจำออฟฟิศ ชายผู้เป็นพี้เลี้ยงน้องญาดารายนี้ก็พะเยาแก็งเดียวกันครับมันเป็นคนเงียบๆรึป่าว ไม่เงียบก็ได้ มันนี่แหละคนสำคัญเลยที่ทำให้มุกไม่แห้งคือมันคอยช่วยพยุงมุกทุกๆรอบ แต้งง5555 เรื่องงานนี่สุดๆ ละเอียดสุดๆ เวลาทำงานก็ออกมาดีเพราะมันตั้งใจทำมากจนบางครั้งเรียกไม่ได้ยิน

เพื่อนโจโจ้

นี่ก็แก็งเดียวกันจากพะเยา คือทำงานคู่กับมันบ่อยสุดละ มันเป็นคนเงียบๆดูไม่ค่อยพูด แบบว่าอืม อือ แต่พอเหล้าเข้าปากทั้งนั้นแหละความลับรั่ว (หมายถึงความลับเพื่อน55555)คือเป็นพวกเผาเพื่อนนั้นแหละ ถ้ากูเป็นต้นไม้น่าจะเหลือแต่ตอ ส่วนเรื่องงานก็ดีอยู่55555(ดีอยู่555) บางครั้งก็มึนๆพากูมึนไปด้วย พอละเนาะไม่พูดเยอะแค่มองตาก็รู้ใจ จุ้บๆ

เพื่อนชาลอต

เป็นเพื่อนที่มาฝึกงานทีหลัง หลังมากๆคือมาตอนเราใกล้จะจบแล้ว 555555 วันแรกก็ไม่กล้าทักกล้าคุยเพราะชาลอตหน้านิ่งๆพอนานเข้าๆเริ่มรู้จักกันก็เริ่มคุยกัน คือไม่ได้หยิ่งอย่างที่คิดเป็นคนมีน้ำใจ ทำอะไรไม่ค่อยบ่นเท่าไหร่ อาจมีนิดหน่อย555ก็คนมันง่วง  ชาลอตคือเป็นผู้ใหญ่มากทำอะไรหลายๆอย่างเป็นเก่งสุดๆเหมือนเป็นผู้ทรงปัญญาของกลุ่ม ไปไหนเรียกแกร็ปให้ทุกครั้งเลย ละยังโทรไปด่าแกร็บให้ด้วยโคตรสุด  หวังว่าวันข้างหน้าคงได้เจอกันละได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ

เพื่อนแมค           

เอาตรงๆวันแรกนึกว่ามันแอบๆ สรุปไม่ใช่ แมคเป็นคนที่มนุษย์สัมพันธุ์ดีมากๆไม่ถึงอาทิตย์ก็ลวนลามกุละแถมไปนอนหอพวกกูอีก แต่มันเป็นคนที่คุยรู้เรื่อง ประสานงานได้ดี ชัดเจมฉะฉางนึกว่าลูกสุนทรภู่ งานคืองาน เล่นคือเล่น ทำอะไรเป็นหลายๆอย่างและชอบไปเอามุกแห้งๆในกูเกิลมาให้กูตบ กูก็ตบไม่เปียกสักที หยอกๆ ละเป็นนักดนตรีด้วยเด้อออเล่นกีต้าร์เก่ง ร้องเพลงเพราะได้เกือบทุกเพลง ขอบใจมากมากที่มึงมาร้องเพลงคู่กับกูสนุกสัส ยังอยากมีเวลามากกว่านี้จะได้ทำอะไรหลายๆอย่างด้วยกัน เราจะเจอกันอีกแน่นอนเพื่อน

เพื่อนโมส

เป็นเพื่อนที่มาฝึกงานทีหลังเหมือแมคกับชาลอต โมสเป็นคนเงียบหรือไม่เงียบดี555555 คือจะเงียบเวลาทำงานคือจริงจังกับการทำงานมาก บางครั้งก็มียิงมุกบ้างนะมุกแบบฮาทคอ5555 พอเริ่มรู้จักก็คุยกันแบบโอเคมึงเป็นคนเฟรนลี่พอสมควร แต่กูก็อยากให้มึงพูดเยอะๆหน่อยนะเพื่อน กูก็อยากตบมุกกับมึงมากกว่านี้ ยังไงก็เอาไว้เจอกันนะเพื่อนคิดถึงเสมอ

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดนี้ขอขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆจาก mountain ทุกๆคนนะครับที่โชคชะตานำพาให้เรามาเจอกันและโชคชะตาก็พาเราต้องแยกจากกัน มันใจหายแวปๆแต่ก็เข้าใจว่าทุกคนต่างมีเป้าหมายที่ต้องไปทำ เวลาตลอด4เดือนมันเป็นเวลาที่แสนอบอุ่นมีหลายอารมณ์ผสมปะปนกันไปจนเกิดคำว่าครอบครัวขึ้นมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้สึกว่าหากจากบ้านที่จากมาเลยทุกๆคนเติมเต็มเข้าหากันเรียนรู้กัน ถึงแม้เราจะแยกจากกันแต่ผมคนหนึ่งที่ยังจะจดจำเรื่องราวนี้ไว้และพร้อมเสมอที่จะกลับมาเจอกันอีกครั้งถ้ามีโอกาส  “ โอปอลรักทุกคน ”